ทำไมผู้ใหญ่ไม่ควรแกล้งเด็กให้โกรธหรือหยอกเด็กให้ร้องไห้
การหยอก การเหย้า การแหย่ แกล้งเล่นเพราะความเอ็นดูเด็ก แต่การแกล้งของผู้ใหญ่นี่แหล่ะ ที่สร้างแผลและผูกปมให้ฝังใจเด็กมานักต่อนัก
เด็กบางคนมีผลกระทบไปจนโต คุณอาจคิดว่า ไม่เป็นไร , แค่นี้เอง , ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ความรู้สึกนึกคิดได้ของผู้ใหญ่ กับกระบวนการความคิดของเด็กแตกต่างกันมากนะคะ แม้ว่าบางคนเพียงแค่หยอกล้อเพราะอยากทำความรู้จัก หรือเพียงแค่อยากสนิทสนมด้วย ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดี แต่การกระทำของเราที่คิดว่าเล็กน้อย อาจส่งผลเสียต่อจิตใจ อารมณ์ และทัศคติของเด็กบางคนโดยไม่ตั้งใจ
ผู้ใหญ่หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าทำไมถึงหยอกไม่ได้ แค่แหย่เล่นจะมีผลเสียกับเด็กยังไง เรามาดูเหตุผลที่ไม่ควรแกล้งหยอกเด็กให้โมโห หรือแหย่ให้เด็กร้องไห้กันเถอะ
ทำให้กลายเป็นเด็กขี้หงุดหงิด
หลายครั้งที่เรามักจะเห็นผู้ใหญ่ชอบหยอก แกล้ง พูดแหย่ให้เด็ก ๆ รู้สึกหงุดหงิด โมโห เพราะรู้สึกสนุก และการแสดงออก ท่าทาง อารมณ์ของเด็กที่ไม่เดียงสานั้นน่ารัก แต่รู้ไหมว่า การทำเช่นนั้น ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของเด็กเป็นอย่างมาก เพราะพวกจะเขาจะเคยชินกับการแสดงอาการที่ไม่น่ารัก อาละวาด ส่งเสียงกรี๊ด ปาสิ่งของ เพื่อระบายความอัดอั้น เพราะพวกเขายังไม่รู้วิธีรับมือกับปัญหาตรงหน้า ยังไม่รู้จักการควบคุอารมณ์ ยังไม่สามารถแยกแยะได้อย่างผู้ใหญ่
และเมื่อเป็นเช่นนี้บ่อย ๆ จะทำให้กลายเป็นเด็กขี้โมโห อารมณ์ฉุนเฉียวง่ายติดตัวเป็นนิสัยไปจนโต ส่งผลต่อการเข้าสังคมในอนาคต
ทำให้เด็กขาดความมั่นคงทางจิตใจ
เด็กที่ถูกผู้ใหญ่หลอกเล่นบ่อย ๆ จะทำให้เด็กสับสน เพราะไม่สามารถแยกแยะออกได้ว่าอันไหนจริง อันไหนหลอก จนไม่สามารถเชื่อมั่นในอะไรได้ กลายเป็นเด็กขี้ระแวง สงสัย ขาดความมั่นคงทางจิตใจ และถ้ายิ่งโดนล้อเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ว่าจะสีผิว หน้าตา ทำให้เด็กไม่ชอบตัวเอง และกลายเป็นคนขาดความมั่นใจ ไม่กล้า ขี้กลัว และโตไปเป็นคนอ่อนแอ ซึ่งอาจกลายเป็นเหยื่อของสังคมต่อไป
เด็กจะเข้าใจว่าการแกล้งเป็นเรื่องธรรมดา
ผู้ใหญ่บางคนอาจคิดว่าการแกล้งไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากเด็กจะติดนิสัยขี้แกล้งและไปแหย่เล่นคนอื่น แต่รู้ไหม เด็กที่เติบโตมาท่ามกลางผู้คนที่ใช้การแกล้งกันเป็นเรื่องบันเทิง เด็กจะจดจำไปใช้กลั่นแกล้งเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน หรือแกล้งเด็กคนอื่นเพื่อเป็นเรื่องสนุก และเด็กยังไม่สามารถประมวลได้ว่า แกล้งแค่ไหนถึงจะแค่ความหยอกเอิน จนอาจกลายเป็นการกลั่นแกล้งจนก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ ซึ่งเราก็เห็นตัวอย่างมาแล้วมากมาย
หรือบางคนก็อาจเคยโดนเพื่อนกลั่นแกล้งจนให้ได้อาย และอาจยังส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมาจนถึงตอนนี้ด้วยเช่นกัน นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงไม่ควรแกล้งหรือแหย่เด็กเล่น เพราะคุณอาจกำลังสร้างคนประเภทนั้นให้เพิ่มจำนวนขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เด็กจะขาดความเชื่อใจคนอื่น มองโลกในแง่ร้าย
หลายคนที่ชอบแหย่เด็กเล่น ด้วยการนำของเล่น หรือของชิ้นโปรดของเด็กไปซ่อน การทำแบบนั้น จะส่งผลต่อความรู้สึกการไว้วางใจคนอื่น เพราะเขาจะคิดว่าไม่สามารถเชื่อใจใครได้ ทำให้เด็กกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ไม่ต้องการเข้าสังคม อยู่กับคนอื่นได้ยาก เพราะไม่กล้าที่จะไว้ใจใคร ทำให้รู้สึกอึดอัดและไม่มีความสุขเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น
ทำให้เด็กมีความวิตกกังวลใจได้ง่าย
เด็กที่ถูกแหย่ ถูกทำให้เสียใจบ่อย ๆ จะทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่าตนเองอ่อนแอ เพราะไม่สามารถตอบโต้ผู้ใหญ่ได้ กลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะ ขบขัน จนทำให้เด็กมีความวิตกกังวลได้ง่าย และเมื่อโตขึ้นก็อาจกลายเป็นคนคิดมาก เครียดง่าย และกังวลใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เด็กมีปมฝังใจ
รู้ไหมว่า คำแหย่เล่น ของผู้ใหญ่ ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็กได้อย่างมหาศาล อาจกลายเป็นปมในใจ และตามหลอกหลอนไปจนเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เช่น “พ่อเก็บหนูมาเลี้ยง” หรือ “แม่ไม่รักหนูแล้ว” เป็นต้น แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่คำพูดหยอกเล่น แต่สำหรับเด็ก ๆ ที่ใสซื่อ ไม่สามารถตระหนักได้หรอกว่านั่นเป็นเพียงการล้อเล่นของผู้ใหญ่ แต่พวกเขาจะคิดว่ามันเป็นความจริง และทำให้เขารู้สึกไร้ค่า พ่อแม่ไม่รัก หรือไม่ต้องการเขา
แม้เด็กบางคนอาจเข้าใจได้ต่อมาเมื่อเริ่มโตขึ้น แต่กว่าจะเข้าใจได้พวกเขาก็ใช้ชีวิตในวัยเด็กมาอย่างไม่มีความสุข ทางที่ดีที่สุดคือ หากิจกรรมที่สร้างสรรทำร่วมกัน และแสดงความรักแก่พวกเขาอย่างถูกวิธีแทนการหยอกอำเล่นสนุก แต่เด็กทุกข์มหันต์ ดีกว่านะคะ