19 C Mumbai
Sunday 24th November 2024
ถั่วเลนทิล สรรพคุณดีมีประโยชน์ อาหารที่ชาวเฮลตี้ไม่ควรพลาด 
By Willie Phillips

ถั่วเลนทิล สรรพคุณดีมีประโยชน์ อาหารที่ชาวเฮลตี้ไม่ควรพลาด 

ถั่วเลนทิลคืออะไร 

ถั่วเลนทิล (Lentils) เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีกำเนิดในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอาจเป็นพืชตระกูลถั่วที่เก่าแก่ที่สุด มีหลายสีหลายขนาด โดยถั่วเลนทิล 5 สี คือ สีแดง ดำ เขียว เหลือง น้ำตาล ถั่วเลนทิลเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ กรดโฟลิก โพแทสเซียม และแร่ธาตุเหล็กสูง สามารถทานทดแทนเนื้อสัตว์ได้อย่างดีเยี่ยมสำหรับผู้ทานมังสวิรัติ นิยมนำไปทำเมนูอาหารสุขภาพ โดยถั่วเลนทิลบางชนิดเหมาะสำหรับทำซุป บางชนิดเหมาะในการทำสลัดหรือเป็นเครื่องเคียง 

ถั่วเลนทิลแต่ละสีแตกต่างกันอย่างไร 

ถั่วเลนทิลสีน้ำตาล หาง่าย ราคาไม่แพง เพราะเป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด

ถั่วเลนทิลสีเขียวจะคล้ายกับถั่วเลนทิลสีน้ำตาล แต่จะมีรสเผ็ดเล็กน้อย 

ถั่วเลนทิลสีเหลืองและสีแดง เมื่อปรุงสุกจะนิ่มและมีรสชาติค่อนข้างหวาน นิยมใช้ปรุงในอาหารอินเดีย และตะวันออกกลาง อย่าง ซุป หรือ สตูว์ 

วิธีปรุงถั่วเลนทิล

  • นำถั่วเลนทิลไปร่อนและล้างเพื่อเอาเศษดินและกรวดหินเล็กๆออก 
  • แช่น้ำไว้ประมาณ 20-30 นาที เพื่อให้ถั่วนิ่ม แต่ถ้าต้องการให้ถั่วนิ่มมากๆสำหรับทำซุปหรือสตูว์ ก็แช่ค้างคืนได้เลย 
  • ต้มถั่วด้วยน้ำสต็อกหรือน้ำเปล่า โดยถั่วเลนทิล 1 ถ้วย / น้ำสต็อก 3 ถ้วย หรือน้ำเกือบเต็มหม้อ
  • เมื่อน้ำเดือดจนล้นหม้อ ให้รินน้ำออกเล็กน้อย อย่าเหลือน้ำไว้พอท่วมเมล็ดถั่ว อย่าเหลือน้ำน้อยเกินไป จะทำให้เมล็ดถั่วแตก
  • รินน้ำออกอีกครั้งเมื่อถั่วสุก 
  • เติมเนื้อสัตว์ สมุนไพร เครื่องเทศ และผัก ตามใจชอบ 

ระยะเวลาการต้มถั่วเลนทิล 

ถั่วเลนทิลแดงและสีเหลือง : 15-20 นาที 

ถั่วเลนทิลสีน้ำตาล : 20-30 นาที

ถั่วเลนทิลสีดำ : 20-25 นาที 

ถั่วเลนทิลสีเขียว : 25-35 นาที 

เคล็ดลับการต้มถั่วเลนทิลให้อร่อย 

ถั่วเลนทิลยิ่งต้มนานเท่าไร ถั่วก็จะยิ่งนิ่มลง ดังนั้นการต้มถั่วให้อร่อยต้องคำนึงถึงเมนูที่จะนำไปปรุง หากเป็นสลัด เพียงต้มแค่พอถั่วสุกเท่านั้นแล้วยกลงจากเตาได้เลย แต่ถ้าต้องการทำซุป ก็สามารถต้มทิ้งไว้นานๆได้ตามชอบ เพราะถั่วเลนทิลที่นิ่มมากๆจะกลายเป็นครีม เพิ่มความเข้มข้นให้กับเมนูซุปได้เป็นอย่างดี หรือเติมเบกกิ้งโซดาลงไปในหม้อต้มสัก 1 ช้อนชา ( ต่อถั่ว 1 ถ้วย ) เพื่อช่วยให้ถั่วนิ่มได้เร็วขึ้น 

สำหรับสายรักสุขภาพ และชาวมังสวิรัติ จะต้องหลงรักกับอาหารที่เปี่ยมไปด้วยโปรตีนอย่างถั่วเลนทิลอย่างแน่นอน  เพราะนอกจากจะมีสารอาหารที่มากไปด้วยประโยชน์ต่อร่างกายแล้ว ถั่วเลนทิลยังสามารถนำมารังสรรอาหารสุดแสนจะอร่อยได้หลากหลายเมนูเลยทีเดียว เรามีไอเดียเมนูถั่วเลนทิลสุดเด็ดมาแนะนำ พร้อมกับวิธีทำที่นำไปตามรอยกันไม่ยากเลย

ซุปถั่วเลนทิล

เมนูนี้นอกจากจะรสชาติอร่อยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี เหมาะเป็นเมนูหน้าหนาวสุดๆเลยล่ะ 

วัตถุดิบ 

ถั่วเลนทิล 

แครอท

หอมใหญ่หั่นเต่า 

กระเทียมสับ 

โหระพาสดสับ 

พริกไทย 

ซอสมะเขือเทศ 

น้ำสต็อกไก่ 

วิธีทำ

นำแครอทและหัวหอมลงไปผัดในกระทะ โดยใช้ไฟปานกลาง ผัดจนนุ่มแล้วใส่ซอสมะเขือเทศ กระเทียม โหระพา พริกไทย ผัดและปรุงให้เข้ากัน ใส่น้ำสต็อกลงไป โดยเพิ่มความแรงของไฟอีกเล็กน้อย ใส่ถั่วเลนทิลลงไป ลดไฟลง แล้วปิดฝา เคี่ยวต่อประมาณ 5 นาที จากนั้นเปิดฝาออกและเคี่ยวต่อไปจนผักนุ่มประมาณ 15-20 นาที ก็พร้อมตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ 

ถั่วเลนทิลสตูว์มะเขือเทศ 

สตูว์สูตรนี้มีโปรตีนถึง 40 กรัม ทำง่ายแถมรสชาติยังอร่อย รับรองว่าชาวมังสวิรัติและคนรักสุขภาพต้องเลิฟ 

วัตถุดิบ

ถั่วเลนทิลแห้ง 

ถั่วแดง

อะโวคาโด

มะเขือเทศบด

หอมใหญ่ 

กระเทียม

พริกปาปิก้า 

พริกไทย 

เห็ดแชมปิญอง 

เกลือ (เล็กน้อย) 

น้ำเปล่า 

วิธีทำ

ตั้งกระทะบนไฟปานกลาง แล้วนำถั่วเลนทิลงไปผัดให้สุก เติมน้ำ ถั่วแดง มะเขือเทศ หอมใหญ่ กระเทียม และเครื่องเทศ ปรุงอาหารในกระทะจนเดือด แล้วใส่เห็ดลงไป ลดไฟต่ำแล้วเคี่ยวต่อประมาณ 20 นาที จนทุกอย่างสุกดีแล้ว ตักใส่ชาม แต่งหน้าด้วยอะโวคาโด พร้อมเสิร์ฟ 

แกงกะหรี่ถั่วเลนทิลและถั่วแดง 

แกงกะหรี่รสชาติเข้มข้นที่ดัดแปลงมาจากอาหารอินเดีย แต่ไม่ต้องใช้เครื่องเทศเยอะแบบสไตล์อินเดียจ๋า 

วัตถุดิบ

ถั่วเลนทิลสีน้ำตาล

ถั่วแดง

ซอสแกงกะหรี่อินเดีย 

ข้าวกล้องหุงสุก

ต้นหอมซอย 

แตงกวาหั่นชิ้น

ผักชี (สำหรับตกแต่ง) 

น้ำสลัดครีมมังสวิรัติ 

วิธีทำ

นำหม้อตั้งไฟปานกลาง ใส่ถั่วเลนทิล ถั่วแดง ซอสแกงกะหรี่ ต้นหอมซอย ลงไปในหม้อ เคี่ยวและปรุงประมาณ 10 นาที หรือจนสุกเข้ากันดี แล้วตักแกงกะหรี่ที่สุกดีแล้วราดบนข้าวกล้อง โรยหน้าด้วยผักชี จากนั้นทำส่วนผสมเครื่องเคียงด้วยการนำแตงกวาหั่นชิ้นผสมกับน้ำสลัดครีมและคลุเคล้าให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ก็พร้อมเสิร์ฟเคียงคู่กับข้าวแกงกะหรี่

  • No Comments
  • August 5, 2022