การดื่มชาเขียว ประโยชน์และโทษต่อสุขภาพ มีอะไรบ้าง
ชาเขียว คือ ใบอ่อนและลำต้นของต้นชาที่ผ่านกรรมวิธีและความร้อน เพื่อนำมาผลิตเป็นเครื่องดื่ม น้ำชาเขียว และสารสกัดชาเขียวเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ เนื่องจากในใบชาเขียวสรรพคุณดีต่อร่างกายหลายด้าน เพราะมีสารโพลีฟีนอล (Poluphenols) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และ มีคาเฟอีน ที่ส่งผลต่อสื่อประสาทในสมอง กระตุ้นการตื่นตัวและความคิด
สารสำคัญในชาเขียว มีอะไรบ้าง
- สารต้านอนุมูลอิสระ EGCG ( Epigallocatechin Gallate)
- กรดอะมิโน
- วิตามินบี
- วิตามินซี
- วิตามินอี
- คาเฟอีน
- ธิโอฟิลลีน (Theophylline)
- สารอีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต
ชาเขียวมีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย
- ป้องกันโรคสมองเสื่อม
- ป้องกันโรคมะเร็ง
- ป้องกันโรคเบาหวานประเภท /
- ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
- ป้องกันโรคข้ออักเสบรูมาติก (Rheumatic Arthritis)
- ขับปัสสาวะ ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี
- กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน
- ลดคอเลสเตอรอล
- ลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยให้เจริญอาหาร
- แก้หวัด แก้ร้อนใน ขับเหงื่อ
- ช่วยขับสารพิษตกค้างในร่างกาย
- บรรเทาอาการท้องเสีย ท้องร่วง แก้บิด
ดื่มชาเขียวตอนไหนดีที่สุด
ดื่มชาเขียวให้ถูกวิธีถึงจะดีจริงไหม
จากงานวิจัย การทานชาเขียวให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย และได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากชาเขียว ควรชงชาเขียวเข้มข้น และดื่มชาเขียวอย่างน้อยวันละ 3-5 แก้ว เป็นประจำทุกวัน จึงจะช่วยป้องกันมะเร็งได้
ดื่มชาเขียวตอนไหนดีต่อสุขภาพ
ช่วงเวลาการดื่มชาเขียวก็สำคัญ เพราะการดื่มชาเขียวในเวลาที่ต่างกัน จะมีผลต่อการดูดซึมสารอาหารของร่างกายที่แตกต่างกันไป โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดื่มชาเขียวหลังอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะหากดื่มชาเขียวทันทีอาจทำให้คาเฟอีนและแทนนินในชาเขียวไปยับยั้งการดูดซึมอาหารเข้าสู่เซลล์ ทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารได้ไม่เต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีช่วงเวลาที่เหมาะในการดื่มชาเขียว คือ ช่วงเวลาก่อนนอน 2 ชั่วโมง หรือ ก่อนออกกำลังกาย เพราะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ ทำให้ชาเขียวช่วยลดไขมันได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก
กินชาเขียวทุกวันอันตรายไหม
แม้ว่าประโยชน์ของชาเขียวดีต่อสุขภาพ แต่การดื่มชาเขียว ข้อควรระวังก็มีเช่นกัน
- ไม่ควรดื่มชาเขียวตอนท้องว่าง เนื่องจากชาเขียวจะขับน้ำออกจากร่างกายจนอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และผิวแห้งได้
- ไม่ควรปรุงแต่งชาเขียวด้วยผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น นมข้น นมสด หรือ นมผง เพราะโปรตีนจะไปจับกับสารสำคัญในชา ทำให้สารประโยชน์ของชาเขียวที่มีต่อร่างกายเสื่อมคุณภาพ และไม่ควรเติมน้ำตาล เพราะอาหารที่มีน้ำตาลสูงจะทำให้เกิดโรคอ้วนได้
- ไม่ควรดื่มชาเขียวในปริมาณมากเกินไป เพราะในชาเขียวมีสารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีฤทธิ์ฝาดสมาน ทำให้ชาเขียวสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย ดังนั้น หากทานหรือดื่มชาเขียวมากเกินไป จะทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ชาเขียวรูปแบบใดก็ตาม ทั้งชาเขียวแบบชง หรือ ชาเขียวพร้อมดื่ม
- ชาเขียวมีคาเฟอีน หากดื่มมากเกินไป จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการนอนหลับ นอนหลับยากหรือนอนไม่หลับ คลื่นไส้ ท้องเสีย หัวใจเต้นเร็ว ผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคเบาหวานระมัดระวังในการดื่มชาเขียว
- ผู้ป่วยที่ทานยาวาร์ฟารินควรระวังการดื่มชาเขียว เพราะในชาเขียวมีวิตามินเค อาจทำให้เกิดการอุดตันตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะหลอดเลือดสมองและหัวใจ
- ชาเขียวมีสารเทนนินที่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กในอาหาร หากดื่มชาเขียวมากเกินไป อาจก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก
- หญิงตั้งครรภ์หากดื่มชาเขียว อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแท้งบุตรได้
- หญิงให้นมบุตรควรระมัดระวังการดื่มชาเขียว เพราะคาเฟอีนในชาจะส่งผ่านน้ำนมไปยังบุตรได้